ผลบอล วิเคราะห์บอล บ้านผลบอล อับเดทข่าวสาร ข่าวบอล ให้ราคาบอลสุดปัง 2022

เจอร์เก้น คล็อปป์ | ลิเวอร์พูล | 2016

นับเป็นช่วงซัมเมอร์แรก ของนายใหญ่ชาวเยอรมัน ที่ได้คุมทีมอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย หลังจากซีซั่น 2015-2016 ที่ คล็อปป์ ถูกดึงมาแทนที่ แบรนเดน ร็อดเจอร์ส ที่ทำผลงานได้อย่างย่ำแย่ก่อนจะจบซีซั่น ด้วยการเป็นอันดับ 8 ของตารางเท่านั้น ซึ่งปรีซีซั่นครั้งแรกกับหงส์แดง เจ้าตัวก็สามารถพาทีมเอาชนะทีมใหญ่ ๆ อย่าง เอซี มิลาน 2-0 และชนะ บาร์เซโลน่า ไปอีก 4-0 รวม 9 นัด แพ้ 3 นัด ได้ไป 17 ประตู เสีย 7 ประตู

และเมื่อเปิดฤดูกาลมา ก็สามารถเอาชนะอาร์เซน่อล ไปได้ด้วยสกอร์ 4-3 หลังจากนั้น ทีมก็เข้ารูปเข้ารอยขึ้นเรื่อย ๆ จากทีมที่จบเพียงอันดับ 8 เมื่อซีซั่นที่แล้ว กลายมาเป็นทีมอันดับ 4 ในซีซั่นนี้ นับเป็นการกลับไป แชมเปี้ยนส์ลีกได้ในรอบ 2 ปี และฟอร์มการเล่นก็ดีขึ้นทุกปี ก่อนจะคว้าถ้วยพรีเมียร์ลีก ที่รอคอยมายาวนานกว่า 30 ปีได้สำเร็จ ในปี 2019-2020 และไม่เคยตกเกินอันดับ 4 อีกเลย

ราฟา เบนิเตซ | เรอัล มาดริด | 2015

ราฟา เบนิเตซ ถูกดึงเข้ามาแทนที่ คาร์โล อันเชล็อตติ ที่ไม่สามารถพาทีมคว้าแชมป์ลลาลีกามาครองได้ แถมยังพลาดแชมป์ยุโรปอีก โดยการลุยช่วงปรีซีซั่น ทัพราชันชุดขาว  ภายใต้การคุมทีมของราฟานั้น เขาทำผลงานได้เยี่ยม ชนะ 4 นัด เสมอ 3 แพ้ 1 เท่านั้น โดยเป็นการแพ้ บาเยิร์น มิวนิค ไปเพียงประตูเดียวเท่านั้น รวมแล้วพวกเขาเสียประตูเพียงแค่ 3 ประตู ในการปรีซีซั่น พร้อมยิงประตูไปถึง 11 ประตู

นอกจากนี้ เมื่อซีซั่นเปิดฉากขึ้น ฟอร์มการเล่นก็จัดได้ยอดเยี่ยม ไม่แพ้เลย 10 นัดติด ทำประตูคู่แข่งไป 5-0 และ 6-0 ก่อนจะมาสะดุดด้วย เซบีญ่า แต่เมื่อจบซีซั่น ราชันชุดขาว เดินหน้าทำประตูคู่แข่งไปถึง 110 ประตู แม้จบได้แค่ที่ 2 ของตาราง ด้วยการตามหลังบาร์เซโลน่า เพียงแต้มเดียวเท่านั้น ในขณะที่รายการแชมเปี้ยนส์ลีก พวกเขาก็สามารถเอาชนะ แอตเลติโก มาดริด ในเกมนัดชิง ซึ่งเป็นการกลับมาทวงบัลลังก์แชมป์ยุโรปอีกครั้ง หลังพลาดไปในปีก่อน

หลุยซ์ ฟาน กัล | แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด | 2014

หลังจากที่แฟน ๆ ผี ผิดหวังกับการคุมทีมของ เดวิด มอยส์ พวกเขาก็หันไปหาผู้จัดการทีมระดับตำนานอีกครั้ง อย่าง หลุยซ์ ฟาน กัล ที่เคยผ่านการคุมทั้ง บาเยิร์น มิวนิค, บาร์เซโลน่ามา และทีมชาติฮอลแลนด์ มาแล้ว กุนซือจากแดนกังหัน ได้เข้ามาคุมทีมปีศาจแดงในช่วงปี 2014 และพาทีมทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ในช่วงปรีซีซั่น 6 นัด ชนะรวด แถมเป็นการเจอกับทีมใหญ่ ๆ ทั้งนั้น ไล่มาตั้งแต่ อินเตอร์ มิลาน, เรอัล มาดริด, แอลเอ กาแลกซี่, โรม่า, บาเลนเซีย และลิเวอร์พูล

โดยพวกเขายิงไปทั้งหมด 18 ประตู เสียประตูเพียง 5 ประตูเท่านั้น เรียกว่าในช่วงเวลานั้น สาวกปีศาจแดงก็ใจชื้นขึ้นมาว่า พวกเขาจะกลับมาลุ้นแชมป์ได้แล้ว หลังไปทุลักทุเลมาก่อนหน้านี้ แต่เมื่อซีซั่นเปิดฉากขึ้น ดันเปิดหัวด้วยการแพ้ สวอนซี ด้วยสกอร์ 1-2 และกว่าจะมาชนะคู่แข่งได้ ก็นัดที่ 4 เข้าไปแล้ว จากการชนะ ควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ส ยังดีที่จบฤดูกาลด้วยอันดับ 4 ของตาราง ได้ไปยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก อย่างไรก็ตาม ซีซั่นถัดมาก็จบได้แค่อันดับ 5 และสุดท้าย โดนปลดออกจากตำแหน่งหลังจบฤดูกาล

ดิเอโก้ ซิเมโอเน่ | แอตเลติโก มาดริด | 2019

กุนซือชาวอาร์เจนไตน์ คุมทีมผ่านความสำเร็จมานับตั้งแต่ปี 2011 โดยในช่วงปรีซีซั่น  2019 นับว่าเป็นช่วงเตรียมทีม ที่เรียกได้ว่าทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม แม้ต้องเสียตัวหลักอย่าง อองตวน กรีซมันน์ ให้กับ บาร์เซโลน่า ไปก็ตาม จากการลงสนาม 6 นัด ชนะรวด ยิงไป 17 ประตู และเสียแค่ 5 ประตู แถมหนึ่งในนั้น ยังเป็นการเอาชนะคู่ปรับร่วมเมืองอย่าง เรอัล มาดริด ไปได้ด้วยสกอร์ 7-3 อีกด้วย

เมื่อซีซั่นเริ่มเปิดฉากขึ้น เขาพาทีมชนะรวด 3 เกมติด ก่อนไปสะดุดพ่าย เรอัลโซเซียดาด  แต่ก็ถือว่า ยังรักษาฟอร์มการเล่นได้ดี เกาะกลุ่มหัวตารางไปได้ตลอดรอดฝั่ง แม้จะไปไม่ถึงแชมป์ลีกก็ตาม จากการเป็นอันดับที่ 3 ของตาราง ส่วนในแชมเปี้ยนส์ลีก ก็จอดป้ายเพียงแค่รอบ 8 ทีมสุดท้าย ด้วยทีม ไลป์ซิค

เอริคเทน ฮาก |แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด| 2022

มาถึงกุนซือคนล่าสุด ที่เรียกว่าพลิกโฉมทัพปีศาจแดงไปจากซีซั่นก่อน อย่างผิดหูผิดตาในช่วงการปรีซีซั่น ด้วยการไล่อัดคู่แข่งไปทั้ง ลิเวอร์พูล 4-0, เมลเบิร์น วิกตอรี 4-1 และคริสตัล พาเลซ 3-1 โดยที่ไม่มีซุปตาร์ตัวเก่งอย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่ติดภารกิจครอบครัวอยู่ นอกจากนี้ บรรดานักเตะที่เคยฟอร์มตก ก็เริ่มทำผลงานได้อย่างดีขึ้น